

"ช่วยให้คุณ สวยมั่นใจทุกองศา"
ด้วยนวัตกรรม Facial rejuvenation

นาโบตะ ซึ่งเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่สกัดได้จากแบคทีเรียชื่อ คลอสตริเดียม
ปรับรูปหน้า (Clostridium Facial rejuvenation)

เป็นที่นิยมอย่างมากในวงการความงาม เพื่อช่วยลดเลือนร่องลึกและปรับรูปหน้าให้ดูเรียบเนียนขึ้น

ผลิตภัณฑ์เพื่อความงามโดยเฉพาะอย่างยิ่ง Allergan ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั่วโลก
Facial rejuvenation
ในยุคปัจจุบันการฉีด โปรแกรมปรับรูปหน้า ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ไม่เพียงแต่ช่วยเสริมความงาม แต่ยังช่วยแก้ไขปัญหาสุขภาพบางประการได้อีกด้วย VV Clinic นำเสนอผลิตภัณฑ์ โปรแกรมปรับรูปหน้า คุณภาพสูงจาก 4 แบรนด์ชั้นนำ ได้แก่ Nabota, Aestox, Xeomin และ Allergan ที่ได้รับการรับรองที่มีความน่าเชื่อถือ มั่นใจได้ในคประสิทธิภาพสูงสุด
Facial rejuvenation กับการลดร่องลึก
Facial rejuvenation เป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมในการลดร่องลึก บทความนี้จะสำรวจว่า Facial rejuvenation เหมาะกับร่องลึกแบบไหน และควรฉีดบริเวณใดบ้างเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
สาเหตุที่ Facial rejuvenation อาจไม่เห็นผล
1. การใช้ Facial rejuvenation ปลอม
การใช้ผลิตภัณฑ์ Facial rejuvenation ปลอมที่ไม่ได้มาตรฐานอาจทำให้ไม่เห็นผลตามที่ต้องการ
2. การฉีดโดยแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญ
การฉีดโดยแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญอาจทำให้ Facial rejuvenation ไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. การดื้อสารบางชนิด
การฉีด Facial rejuvenation บ่อยเกินไปอาจทำให้ร่างกายดื้อต่อสาร Facial rejuvenation
วิธีแก้ไขเมื่อ Facial rejuvenation ไม่เห็นผล
1. ปรึกษาแพทย์
ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและวิธีแก้ไขที่เหมาะสม
2. การเลือกผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรอง
เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ Facial rejuvenation ที่ได้รับการรับรองจากอย.ไทย
3. การเลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
เลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการฉีด Facial rejuvenation
Facial rejuvenation ปลอดภัยแค่ไหน?
เจาะลึกข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น และความเสี่ยงที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจฉีด Facial rejuvenation
Facial rejuvenation เป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมในวงการความงาม อย่างไรก็ตาม คำถามที่หลายคนอยากรู้คือ คุณภาพของ Facial rejuvenation มีมากน้อยเพียงใด บทความนี้จะเจาะลึกข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น และความเสี่ยงที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจฉีด Facial rejuvenation
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการฉีด Facial rejuvenation
ผลข้างเคียงทั่วไป
-
รอยช้ำและบวม: บริเวณที่ฉีดอาจเกิดรอยช้ำและบวมเล็กน้อย
-
ปวดหรือไม่สบาย: บางคนอาจรู้สึกปวดหรือไม่สบายบริเวณที่ฉีด
-
ปวดหัว: อาจเกิดปวดหัวในบางกรณี
ผลข้างเคียงที่รุนแรง
-
หนังตาตก: อาจเกิดขึ้นหลังจากฉีด Facial rejuvenation บริเวณหน้าผาก
-
คิ้วตก: เกิดขึ้นเมื่อฉีดบริเวณใกล้หางคิ้ว
-
มุมปากเบี้ยว: หากฉีดไม่ถูกตำแหน่ง
Facial rejuvenation กับการแพ้
ไขข้อข้องใจเกี่ยวกับอาการแพ้ Facial rejuvenation สัญญาณที่บ่งบอก และวิธีรับมือเมื่อเกิดอาการแพ้
แม้ว่า Facial rejuvenation จะเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยม แต่บางคนอาจเกิดอาการแพ้ Facial rejuvenation ได้ ในบทความนี้ เราจะไขข้อข้องใจเกี่ยวกับอาการแพ้ Facial rejuvenation สัญญาณที่บ่งบอก และวิธีรับมือเมื่อเกิดอาการแพ้
สัญญาณที่บ่งบอกว่าแพ้ Facial rejuvenation
-
ผื่นแดงและคัน: บริเวณที่ฉีดอาจเกิดผื่นแดงและคัน
-
บวมและเจ็บ: บริเวณที่ฉีดอาจบวมและเจ็บ
-
หายใจลำบาก: อาจเกิดขึ้นในบางกรณีที่แพ้รุนแรง
วิธีรับมือเมื่อเกิดอาการแพ้ Facial rejuvenation
-
ติดต่อแพทย์ทันที
หากคุณมีอาการแพ้ ควรติดต่อแพทย์ทันทีเพื่อรับคำแนะนำและการรักษา
2. การใช้สารต้านฮีสตามีน
ในบางกรณี แพทย์อาจแนะนำให้ใช้สารต้านฮีสตามีนเพื่อลดอาการแพ้
3. การหลีกเลี่ยงการฉีด Facial rejuvenation ซ้ำ
หากคุณแพ้ Facial rejuvenation ควรหลีกเลี่ยงการฉีด Facial rejuvenation ซ้ำในอนาคต
Facial rejuvenation กับการตั้งครรภ์และให้นมบุตร
ฉีด Facial rejuvenation ได้หรือไม่ในช่วงตั้งครรภ์และให้นมบุตร มีความเสี่ยงอะไรบ้างที่ต้องพิจารณา
หลายคนสงสัยว่าในช่วงตั้งครรภ์และให้นมบุตรสามารถฉีด Facial rejuvenation ได้หรือไม่ บทความนี้จะตอบคำถามเกี่ยวกับความปลอดภัยของการฉีด Facial rejuvenation ในช่วงเวลานี้ และความเสี่ยงที่ต้องพิจารณา
ความเสี่ยงของการฉีด Facial rejuvenation ในช่วงตั้งครรภ์และให้นมบุตร
1. การตั้งครรภ์
ในช่วงตั้งครรภ์ การฉีด Facial rejuvenation ไม่แนะนำ เนื่องจากยังไม่มีการศึกษาที่ชัดเจนเกี่ยวกับผลกระทบต่อทารกในครรภ์
2. การให้นมบุตร
ขณะให้นมบุตร ควรหลีกเลี่ยงการฉีด Facial rejuvenation เนื่องจากสาร Facial rejuvenation อาจผ่านน้ำนมและมีผลกระทบต่อทารก
คำแนะนำสำหรับผู้ที่ตั้งครรภ์และให้นมบุตร
1. ปรึกษาแพทย์
หากคุณกำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ควรปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจฉีด Facial rejuvenation
2. หลีกเลี่ยงการฉีด Facial rejuvenation
ควรหลีกเลี่ยงการฉีด Facial rejuvenation ในช่วงตั้งครรภ์และให้นมบุตร เพื่อความปลอดภัยของทารก
ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงจาก 4 แบรนด์ชั้นนำ ที่ VV Clinic เลือกใช้
Facial rejuvenation Nabota

คุณสมบัติและจุดเด่น
Nabota เป็น Facial rejuvenationคุณภาพจากเกาหลี ผลิตโดยบริษัท Daewoong Pharmaceutical ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำด้านการผลิตสารและเวชภัณฑ์ Nabota ใช้เทคโนโลยี HI-PURE Technology ที่ทำให้สาร Facial rejuvenation A มีความบริสุทธิ์สูง ลดโอกาสการเกิดการดื้อสารบางชนิด และยังได้รับการรับรองจาก USFDA
การใช้งานและผลลัพธ์
Nabota นิยมใช้ในการลดร่องลึกบนใบหน้า ปรับรูปหน้าให้เรียวเล็ก รวมถึงลดขนาดกล้ามเนื้อบริเวณแขนและน่องขา ผลลัพธ์จะเริ่มเห็นได้ชัดเจนภายใน 1-2 สัปดาห์หลังฉีด และสามารถคงอยู่ได้นานถึง 4-6 เดือน
ความปลอดภัยและผลข้างเคียง
Nabota มีคุณภาพสูง หากฉีดโดยแพทย์ผู้มากประสบการณ์และในคลินิกที่มีมาตรฐาน ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ ได้แก่ รอยช้ำบริเวณที่ฉีด อาการปวดหรือบวมเล็กน้อย ซึ่งจะหายไปภายในไม่กี่วัน
Facial rejuvenation Aestox
คุณสมบัติและจุดเด่น
Aestox เป็น Facial rejuvenation คุณภาพสูงจากเกาหลี ผลิตโดยบริษัท HUGEL, Inc. ที่มีชื่อเสียงในวงการเวชภัณฑ์ สาร BFacial rejuvenation A ของ Aestox มีความบริสุทธิ์สูงถึง 99.5% ลดโอกาสการดื้อสารบางตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และออกฤทธิ์ค่อนข้างไว ทำให้ผู้ใช้เห็นผลลัพธ์ได้เร็ว
การใช้งานและผลลัพธ์
Aestox นิยมใช้ในการลดร่องลึกทั่วใบหน้า เก็บกรอบหน้า และลดขนาดกล้ามเนื้อบริเวณกรามและน่อง ผลลัพธ์จะเริ่มเห็นได้ภายใน 1-2 สัปดาห์
และคงอยู่ได้นาน 4-6 เดือน
ความปลอดภัยและผลข้างเคียง
Aestox มีคุณภาพสูง หากฉีดโดยแพทย์ ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ ได้แก่ รอยช้ำและอาการปวดเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด ซึ่งจะหายไปในระยะเวลาอันสั้น

Facial rejuvenation Xeomin

คุณสมบัติและจุดเด่น
Xeomin เป็น Facial rejuvenation คุณภาพจากเยอรมนี ผลิตโดยบริษัท MERZ PHARMA GMBH & CO. KGaA ซึ่งมีการพัฒนา XTRACT Technology ในการผลิต ทำให้สาร Facial rejuvenation A มีโมเลกุลขนาดเล็ก มีประสิทธิภาพยับยั้งการทำงานของระบบประสาทได้ดีและมีความบริสุทธิ์สูง
การใช้งานและผลลัพธ์
Xeomin นิยมใช้ในการลดร่องลึกทั่วใบหน้า ปรับรูปหน้าให้เรียว ลดขนาดกล้ามเนื้อบริเวณกรามและน่อง ผลลัพธ์เห็นได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ และคงอยู่ได้นาน 4-6 เดือน
ความปลอดภัยและผลข้างเคียง
Xeomin มีประสิทธิภาพสูง หากฉีดโดยแพทย์ ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่ รอยช้ำและอาการปวดเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด ซึ่งจะหายไปในระยะเวลาอันสั้น
Facial rejuvenation Allergan
คุณสมบัติและจุดเด่น
Allergan เป็น Facial rejuvenation คุณภาพสูงจากอเมริกา ผลิตโดยบริษัท Allergan ที่มีชื่อเสียงระดับโลก สาร Facial rejuvenation A ของ Allergan มีความบริสุทธิ์สูงถึง 99.5% และได้รับการรับรองจาก USFDA ทำให้ผู้ใช้มั่นใจในประสิทธิภาพ
การใช้งานและผลลัพธ์
Allergan นิยมใช้ในการลดร่องลึกทั่วใบหน้า ปรับรูปหน้าให้เรียว ลดขนาดกล้ามเนื้อบริเวณกรามและน่อง ผลลัพธ์จะเริ่มเห็นได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ และคงอยู่ได้นาน 4-6 เดือน
ความปลอดภัยและผลข้างเคียง
Allergan มีประสิทธิภาพสูง หากฉีดโดยแพทย์ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่ รอยช้ำและอาการปวดเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด ซึ่งจะหายไปในระยะเวลาอันสั้น

Facial rejuvenation หรือ Filling Substance เลือกแบบไหนดี?
เปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของ Facial rejuvenation และ Filling Substance เพื่อเลือกสิ่งที่เหมาะกับความต้องการของคุณ
ทั้ง Facial rejuvenation และ Filling Substance เป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมในการเสริมความงาม บทความนี้จะเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของ Facial rejuvenation และ Filling Substance เพื่อช่วยให้คุณเลือกสิ่งที่เหมาะกับความต้องการของคุณ
Facial rejuvenation
ข้อดี
-
เหมาะกับการลดร่องลึกแบบ Dynamic
-
ผลลัพธ์เห็นชัดเจนในระยะเวลาอันสั้น
-
ความเสี่ยงน้อยเมื่อทำโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์โดยตรง
ข้อเสีย
-
ผลลัพธ์ไม่ถาวร ต้องฉีดซ้ำทุก 4-6 เดือน
-
ไม่เหมาะกับการเติมเต็มร่องลึก
Filling Substance
ข้อดี
-
เหมาะกับการเติมเต็มร่องลึก เช่น ร่องแก้ม ร่องใต้ตา
-
ผลลัพธ์ยาวนานกว่า Facial rejuvenation
-
ช่วยเพิ่มปริมาตรและความชุ่มชื้นให้กับผิว
ข้อเสีย
-
มีความเสี่ยงต่อการเกิดก้อนหรือบวม
-
ต้องทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์เท่านั้น

บริเวณที่ควรฉีด Facial rejuvenation
-
หน้าผาก Facial rejuvenation จะเข้าไปบล็อกสัญญาณประสาทที่ทำให้กล้ามเนื้อหดตัว จึงช่วยลดร่องลึกที่เกิดจากการแสดงสีหน้า เช่น รอยย่นบนหน้าผาก รอยระหว่างคิ้ว ซึ่งเป็นร่องลึกที่เห็นได้ชัดเจนและส่งผลต่อความมั่นใจ นอกจากจะลดร่องลึกที่มีอยู่แล้ว การฉีด Facial rejuvenation ยังช่วยป้องกันไม่ให้เกิดร่องลึกใหม่ เพราะเมื่อกล้ามเนื้อคลายตัว การเกิดความหย่อนคล้อยก็จะช้าลง
-
รอบดวงตา Facial rejuvenation จะเข้าไปบล็อกสัญญาณประสาทที่ทำให้กล้ามเนื้อหดตัว ช่วยลดการเกิดร่องลึกใหม่และทำให้ร่องลึกที่มีอยู่เดิมดูจางลง โดยเฉพาะร่องลึกตีนกา หางตา และใต้ตา เมื่อกล้ามเนื้อคลายตัว ผิวบริเวณรอบดวงตาจะดูเรียบเนียนและตึงกระชับขึ้น ทำให้ใบหน้าดูอิ่มฟูขึ้น สำหรับบางคน การฉีด Facial rejuvenation บริเวณหว่างคิ้วสามารถช่วยยกคิ้วให้ดูสดใสขึ้นได้
-
ร่องแก้ม Facial rejuvenation จะเข้าไปบล็อกสัญญาณประสาทที่ควบคุมกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณร่องแก้มคลายตัว รอยย่นจึงดูตื้นขึ้นและเรียบเนียนขึ้น การฉีดสารปรับรูปหน้าเป็นประจำจะช่วยลดการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ ทำให้เกิดร่องลึกใหม่น้อยลง เมื่อร่องแก้มตื้นขึ้น ใบหน้าจะดูเรียวและมีมิติมากขึ้น การฉีด Facial rejuvenation ยังช่วยกระตุ้นการสร้างสารต้านอนุมูลอิสระและอีลาสติน ทำให้ผิวดูอิ่มฟูและเต่งตึงขึ้น
-
กรอบหน้า Facial rejuvenation จะเข้าไปยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อ ทำให้ผิวบริเวณกรอบหน้าดูตึงกระชับขึ้น ช่วยลดปัญหาผิวหย่อนคล้อย สำหรับคนที่กังวลเรื่องกรามใหญ่ การฉีด Facial rejuvenation ที่กรอบหน้าจะช่วยลดขนาดของกล้ามเนื้อกราม ทำให้ใบหน้าดูเรียวเล็กขึ้น

ดูแลตัวเองหลังฉีด Facial rejuvenation อย่างไรให้ได้ผลดี
คำแนะนำในการดูแลตัวเองหลังฉีด Facial rejuvenation เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจและยาวนาน
การดูแลตัวเองหลังฉีด Facial rejuvenation เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและยาวนาน บทความนี้จะนำเสนอคำแนะนำในการดูแลตัวเองหลังฉีด Facial rejuvenation เพื่อให้คุณได้รับผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ
การดูแลตัวเองหลังฉีด Facial rejuvenation
หลังฉีดทันที
-
ควรขยับเกร็งกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดทันที 1-2 ครั้ง
-
ไม่ควรจับ ลูบคลำ คลึง หรือกดบริเวณรอยที่ฉีดแรง ๆ
-
ภายใน 4 ชั่วโมงไม่ควรนอนราบหรือนอนตะแคง
หลังฉีด 24 ชั่วโมง
-
สามารถทาครีมหรือแต่งหน้าทับรอยเข็มได้ปกติ
หลังฉีด 2-3 วันแรก
-
งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะแอลกอฮอล์จะเพิ่มการไหลเวียนของเลือด
หลังฉีด 2 สัปดาห์แรก
-
งดการอบไอน้ำ อบซาวน่า นวดหน้า ยิงเลเซอร์ร้อน และหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดแรง ๆ
-
หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดง เช่น การดื่มแอลกอฮอล์ ตากแดดแรง เลเซอร์ร้อนบนผิวหน้า
Facial rejuvenation กับทางเลือกอื่นๆ
มีวิธีอื่นๆ นอกจาก Facial rejuvenation ที่ช่วยลดเลือนริ้วรอยได้อย่างไรบ้าง
แม้ว่า Facial rejuvenation จะเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมในการลดเลือนร่องลึก แต่ยังมีวิธีอื่น ๆ ที่สามารถช่วยลดเลือนร่องลึกได้เช่นกัน บทความนี้จะสำรวจทางเลือกอื่น ๆ นอกจาก Facial rejuvenation ที่ช่วยลดเลือนร่องลึกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทางเลือกอื่นๆ นอกจาก Facial rejuvenation
1. Filling Substance
ช่วยเติมเต็มร่องลึกและเพิ่มปริมาตรให้กับผิว ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและอิ่มฟู
2. เลเซอร์
เลเซอร์สามารถกระตุ้นการสร้างสารต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวเรียบเนียนและลดเลือนร่องลึก
3. การทำทรีทเมนต์ผิวหน้า
การทำทรีทเมนต์ผิวหน้า เช่น การทำ Microdermabrasion หรือ Chemical Peel สามารถช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดเลือนร่องลึก
4. การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว
การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของเรตินอลหรือวิตามินซี สามารถช่วยลดเลือนร่องลึกและปรับสภาพผิวให้ดีขึ้น
คำถามที่ควรถามแพทย์ก่อนฉีด Facial rejuvenation
รวบรวมคำถามสำคัญที่ช่วยให้คุณมั่นใจในการตัดสินใจฉีด Facial rejuvenation
ก่อนการฉีด Facial rejuvenation การสอบถามและปรึกษาแพทย์เป็นสิ่งสำคัญ ก่อนการตัดสินใจฉีด Facial rejuvenation เพื่อให้คุณมั่นใจและได้รับข้อมูลที่ครบถ้วน
คำถามที่ควรถามแพทย์ก่อนฉีด Facial rejuvenation
ประสบการณ์ของแพทย์
-
แพทย์มีประสบการณ์ในการฉีด Facial rejuvenation มากน้อยเพียงใด?
-
แพทย์มีใบรับรองการฝึกอบรมเฉพาะทางหรือไม่?
ผลิตภัณฑ์ที่ใช้
-
คลินิกใช้ผลิตภัณฑ์ Facial rejuvenation ยี่ห้อใด?
-
ผลิตภัณฑ์ได้รับการรับรองจากอย.ไทยหรือไม่?
ผลข้างเคียงและความเสี่ยง
-
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการฉีด Facial rejuvenation คืออะไร?
-
วิธีการป้องกันและรับมือเมื่อเกิดผลข้างเคียง
การดูแลหลังฉีด
-
ควรปฏิบัติตัวอย่างไรหลังฉีด Facial rejuvenation?
-
สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงหลังฉีด Facial rejuvenation?